23 ม.ค. 2566
แฉหลักฐานใหม่ดีเอสไอ้บุกรุกคอนโดหรูอดีตกงสุลใหญ่นาอูรู
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 23 ม.ค. ที่ ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ปรีชา วงศ์รวิวรรณ รอง.ผกก.สอบสวน.กก.2.บก.ปอศ. เพื่อร้องขอให้ตรวจสอบบริษัท พรีมายา ว่ามีการหลบเลี่ยงการจ่ายภาษีหรือไม่ โดยนำหลักฐานเอกสารเกี่ยวกับรายได้ต่างๆ
ของกรรมการผู้จัดการและเครื่อข่ายพรีมายา จำนวน 12 คน มามอบให้พนักงานสอบสวนประกอบการพิจารณา
นายอัจฉริยะ กล่าวว่า การมาในวันนี้ก็เพื่อต้องการให้มีการตรวจสอบบริษัท พรีมายา ของ น.ส. พิชญ์นรี ตันติวิทย์ หรือ เม พรีมายา ว่ามีการหลบเลี่ยงการจ่ายภาษี หรือไม่ เพราะรายได้จากการจำหน่ายสินค้า หรือ รายได้อื่นๆ ไม่ได้มีการโอนเงินเข้าบัญชีของบริษัท แต่กลับโอนเข้าบัญชีส่วนตัว ซึ่งส่อเจตนาว่าเป็นการเลี่ยงภาษี อีกทั้งบัญชีรายได้ กำไร ที่มีการนำเสนอนั้นก็ไม่สอดคล้องกับการเสียภาษีที่ยื่นไป และไม่สอดคล้องกับพฤติกรรมที่ตัวของ น.ส.พิชญ์นรี ที่มักโพสต์โชว์ในสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ ซึ่งส่วนตัว เชื่อว่า น.ส.พิชญ์นรี และ สามี มีการฟอกเงิน เพราะพฤติกรรมนั้นสวนทางการการยื่นภาษีและรายรับที่ยื่นจ่ายภาษี
นายอัจฉริยะ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังทราบว่า น.ส.พิชญ์นรี ได้ร่วมหุ้นกับ ใบเตย อาร์สยาม นักร้องชื่อดังในการเปิดคลินิกความงาม ที่มีทุนการจดทะเบียน 100 ล้านบาท ตนอยากให้ทาง น.ส.พิชญ์นรี และ ใบเตย ออกมาชี้แจงที่มาของเงินทุนว่าลงทุนกันคนละเท่าไหร่ และนำเงินมาจากที่ไหนในการลงทุน ส่วนจะเกี่ยวข้องกับ Forex3D หรือไม่นั้น ต้องให้ ใบเตย ออกมาชี้แจง
ส่วนที่มีการกล่าวหา ตนไปตบทรัพย์นั้น นายอัจฉริยะ ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะหากจะเป็นการตบทรัพย์ ตนจะมาแจ้งความทำไม อีกทั้งก่อนหน้านี้เคยไปร้องให้มีการตรวจสอบแล้วกับทางตำรวจไซเบอร์ แต่คดีไม่มีความคืบหน้า และหลังจากที่มีการไปร้องเรียน ทางกรมสรรพากร ก็มีการตรวจสอบว่าเครือข่ายพรีมายา มีการเลี่ยงภาษีจริง มูลค่าหลายร้อยล้าน ซึ่งหลังจากนี้ เจ้าหน้าที่ ปอศ. จะต้องเรียก ทั้งเจ้าหน้าที่กรมสรรพากร เข้ามาร้องทุกข์ และเรียกผู้ถูกกล่าวหามาชี้แจงที่มาของรายได้และการเลี่ยงภาษี
นอกจากนี้ นายอัจฉริยะ ยังกล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่ดีเอสไอไปตบทรัพย์ค้นห้องพักคอนโดหรู ของอดีตกงสุลใหญ่ นาอูรู ย่านห้วยขวาง เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. 2565 ที่ผ่านมา อีกว่า ตนมีหลักฐานใหม่เป็นภาพจากกล้องวงจรปิดที่เผยให้เห็นว่ามีเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ จำนวน 3 คน ระดับ ผู้อำนวยการได้ไปแสดงตัวบอกเจ้าหน้าที่นิติ คอนโดบอกว่า มาสืบคดีพิเศษ ให้ไปเปิดห้องดังกล่าวให้ และพาขึ้นไปตรวจสอบ ในกล้องวงจรปิด จะเห็นว่า เวลา 17.54 น. เจ้าหน้าที่ไปเปิดห้องให้ เข้าไป ประมาณ 20 นาที และกลับออกมาในเวลา 18.10 น. พร้อมทรัพย์สินบางอย่าง ซึ่งพฤติกรรมในครั้งนี้ ไม่มีการโชว์หมายค้น หรือ หมายจับใด อีกทั้งการเข้าตรวจค้นครั้งนี้ เป็นการตบทรัพย์ต่อเนื่องมาจากพื้นที่ทุ่งมหาเมฆ ที่ไปก่อเหตุในช่วงสาย ตนมองเป็นพฤติกรรมที่อุกอาจ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยไปให้ข้อมูลที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ ในความผิด ร่วมกันลักษ์ทรัพย์ในเวลากลางคืน และ ร่วมกันบุกรุก ซึ่งจากนี้ทางตำรวจ สน.ทุ่มหาเมฆ จะต้องส่งข้อมูลต่อให้ ตำรวจ สน.ห้วยขวางในการดำเนินคดีต่
นอกจากนี้ นายอัจฉริยะ ยังบอกว่าพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ทำเป็นขบวนการ ก่อเหตุหลายครั้ง และเกี่ยวข้องกับการปล้นบ้านชาวจีนที่ ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุม จังหวัดชลบุรี ซึ่งพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 คน มีการเก็บส่วยทั้ง ธุรกิจบ่อทราย น้ำมันเถื่อน และของเถื่อน เพื่อส่งเงินให้กับผู้บริหารระดับสูงของดีเอสไอ ซึ่งตนอยากให้มีการเข้าไปตรวจสอบห้องทำงานของผู้บริหารของดีเอสไอ เชื่อว่าจะเจอหลักฐานเป็นเงินสดกว่า 100 ล้าน