12 ม.ค. 2566
หนุ่มนักธุรกิจ สุดช้ำ เล่นฟิตเนตชื่อดังบนห้างย่านงามวงศ์วาน ของหายประจำแต่เรี่องเงียบ
เมื่อเวลา 19.00น.วันที่ 11 ม.ค.2566 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากนายสาธิต(ขอสงวนนามสกุล) หนุ่มนักธุรกิจอายุ 35 ปี ชาวทวีวัฒนา กรุงเทพฯ ว่าถูกมือดีขโมยฉกทรัพย์สินมีค่าไปขณะเก็บไว้ในล็อกเกอร์ตอนออกกำลังกายที่ฟิตเนตชื่อดังบนห้างย่านงามวงศ์วาน ทำให้เสียทรัพย์ไปกว่า 10ล้านบาท เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 18.00น.วันที่ 10 ม.ค.2566 ที่ผ่านมา
โดยตนเองเป็นผู้ที่ชื่นชอบการออกกำลังกาย หลังทำงานเสร็จ มักจะแวะเวียนไปออกกำลังกายเล่นฟิตเนตที่บนห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งนี้เป็นประจำย่านงามวงศ์วาน จ.นนทบุรี เพราะตนได้สมัครทำสมาชิกเป็นเมมเบอร์เอาไว้ ตนก็เดินทางไปเล่นฟิตเนตแห่งนี้ตามปกติ จึงได้ถอดเก็บสิ่งของมีค่าที่ใส่ติดตัวเป็นประจำรวมกันเอาไว้ภายในกระเป๋าสะพายแล้วใส่เก็บไว้ในล็อกเกอร์ที่เก็บของแข็งแรงอย่างดีของฟิตเนตที่เตรียมเอาไว้ลูกค้าได้ใช้บริการ
โดยเมื่อหลังจากออกกำลังกายเสร็จประมาณ 2 ชม.หรือเวลา 20.00น. ตนได้เดินมาเปิดที่ล็อกเกอร์หมายเลข 017 เพื่อหยิบเอากระเป๋าเสื้อผ้าที่เก็บไว้ภายในล็อกเกอร์ตามปกติ แต่ต้องตกใจและใจหายวูบมาก เมื่อเปิดดูแล้วพบกับความว่างเปล่าอยู่ด้านใน กระเป๋าใบใหญ่ทั้งใบได้หายไปแล้ว ยังนึกเลยว่าเปิดล็อเกอร์ผิดตู้ ผิดเบอร์หรือเปล่า จึงยืนตรวจสอบดูอย่างละเอียดอีกครั้ง จนแน่ชัดแล้วว่ากระเป๋าพร้อมของมีค่าได้ถูกโจรมือดีลักทรัพย์หายไปแน่แล้ว
ซึ่งภายในกระเป๋าสะพาย มีทรัพย์สินที่หายไป อาทิ พระเครื่อง สมเด็จวัดระฆังเลี่ยมทอง หลวงพ่อโตเลี่ยมทอง ครุฑเลี่ยมทอง พร้อมสร้อยทอง นาฬิกาโรเล็กซ์ฝั่งเพชร เลสข้อมือฝั่งเพชร และแหวนเพชร พวงกุญแจรถใส่ห้อยไว้กับที่ห้อยหลุยส์วิตตอง สิ่งของที่หายไปหลายรายการ รวมกันมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท
ไม่น่าเชื่อทั้งที่ตนได้เก็บของทรัพย์สินมีค่าใส่กระเป๋าสะพายเอาไว้ในล็อกเกอร์ที่คิดว่าปลอดภัยเป็นอย่างดีสำหรับลูกค้า แต่กลับถูกขโมยไปทั้งกระเป๋าได้อย่างไรร่องรอยงัดแงะใดๆ
ต่อมาจึงรีบแจ้งทางพนักงานของสถานที่ออกกำลังกายดังกล่าว แล้วรีบโทรศัพย์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ พร้อมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานมาเก็บรอยนิ้วมือในที่เกิดเหตุ
ซึ่งที่ฝาปิดตู้ล็อกเกอร์กลับไม่พบร่องรอยของการงัดแงะที่บริเวณล็อกเกอร์เก็บของเลย คาดว่าคนร้ายน่าจะอาศัยช่วงที่ตนไปออกกำลังกายใช้กุญแจสำรองอีกดอก มาไขเปิดเอาทรัพย์สินมีค่าไปทั้งกระเป๋าเลย ซึ่งก็น่าแปลกใจที่ของมีค่ากระเป๋าของตนหายไปอยู่ล็อคเกอร์เดียว
สอบถามทางพนักงานดูแลสถานที่บอกเพียงแต่ว่าจะตรวจสอบให้ โดยในจุดนี้จะไม่มีกล้องวงจรปิดCCTV ติดตั้งบริเวณหน้าล็อกเกอร์ที่ใช้เก็บของมีค่าของลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ ซึ่งก็น่าแปลกใจอยู่เหมือนกัน จุดอื่นๆมีหมด
จึงได้เดินทางเข้าแจ้งความเพื่อลงบันทึกประจำวันเอาไว้เป็นหลักฐานแล้วที่สถานีตำรวจภูธรเมืองนนทบุรี
แต่จนถึงขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่มีความคืบหน้าใดๆติดต่อกลับมาเลย และได้ทราบข้อมูลมาว่า มีลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการในสถานที่ฟิตเนตชื่อดังแห่งนี้ ของได้หายไปหลายรายแล้ว
ตนหวั่นผ่านว่าผ่านหลายวันเคสของตนก็อาจเรื่องเงียบหายเข้ากลีบเมฆลอยนวลไปอีกเหมือนกับรายอื่นๆ ยังสงสัยว่ามีคนรู้ช่วงเวลา และตู้ที่ใช้เก็บของของตนเบอร์อะไรได้อย่างไร
อยากวอนเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองนนทบุรี เร่งติดตามตัวจับคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ด้วย กลัวคนร้ายรายนี้จะก่อเหตุลักทรัพย์กับคนอื่นๆเพิ่มเติมอีก ซึ่งทรัพย์สินต่างๆที่หายไป ตนต้องใช้เวลาทำงานกว่าจะเก็บหอมรอมริบอยู่หลายปีกว่าจะได้มาไม่ใช้เรื่องง่าย
ตอนนี้ทางครอบครัวตนได้ปรึกษาทนายความเพื่อจะดำเนินการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายที่สูญหายไปจำนวนกว่าหลายล้านบาทกับทางเจ้าของฟิตเนตแห่งนี้อยู่